พลังแห่งการสวดภาวนา เพื่อผู้ล่วงลับ ตอนที่ 2 จาก 2 ตอน

"การสวดภาวนาวันทามารีอา แต่ละครั้งเปรียบเสมือนหยดน้ำเย็น ที่ตกลงบนนรก ลูกประคำ แต่ละลูกเปรียบเสมือนเชือกที่นำพา จิตวิญญาณเข้าใกล้สวรรค์มากขึ้น

ในตอนที่แล้ว เราได้ทบทวนถึง พลังศักดิ์สิทธิ์ของบทสวดมนต์ ของชาวพุทธเพื่อผู้ล่วงลับ วันนี้ เราจะพาคุณเดินทาง สู่เรื่องราวอันน่าประทับใจ อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเล่าโดย คริสเตียนผู้ศรัทธาท่านหนึ่ง

คืนหนึ่ง ขณะที่เขานั่ง อยู่ในความเงียบสงบ ที่เขาเคยชินมานาน ก็มีเสียงดังขึ้นอย่างเร่งด่วน จากที่ไหนก็ไม่รู้

เสียงอันสั่นเครือและเร่งด่วน ดูเหมือนจะดังมาจากที่ไกล แต่ก็ใกล้เช่นกัน จากอาณาจักร ที่มองไม่เห็น แต่ยังคงดังก้องอยู่ ในหูของผมอย่างชัดเจน: "โปรดอธิษฐานเพื่อพวกเราด้วย" หัวใจผมรู้สึกเหมือนมันหยุดเต้นไป ผมมองไปรอบ ๆ ห้องนั้นว่างเปล่า ไม่มีใครแม้แต่คนเดียว มีเพียงแสงระยิบระยับจาก ตะเกียงน้ำมันที่เต้นรำ อยู่บนโต๊ะไม้เก่า ๆ ผมหลับตาลง คิดว่าบางทีผมอาจ กำลังฝันอยู่ แต่แล้วเสียงนั้น ก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ดังกว่าเดิม พร้อมกับเสียงแห่งความโศกเศร้า และความปรารถนาที่ดังก้อง ไปทั่วท้องฟ้า: “โปรดอธิษฐาน อธิษฐานเพื่อดวงวิญญาณในนรก”

ในศาสนาคริสต์ นรกคือ สถานที่ชำระล้างชั่วคราว โดยวิญญาณที่มีบาปเล็กน้อย หรือภาระที่ยังไม่ได้รับ การแก้ไขจะได้รับ การชำระล้างก่อนจะไปถึงสวรรค์

เมื่อเห็นเหตุการณ์ ประหลาดนี้ ชายคนนั้น ก็เกิดความกลัวในตอนแรก ทันใดนั้น คลื่นแห่งความสงบ อันอ่อนโยนก็เริ่มซัด เข้ามาในอากาศ ราวกับว่าความรักของพระเจ้า กำลังโอบกอดจิตวิญญาณของเขา ลึก ๆ ภายในเขาคิดว่า พระเจ้าเป็นผู้ที่ อนุญาตให้วิญญาณนี้ เข้าถึงเขาเพื่อ เผยข้อความอันศักดิ์สิทธิ์

วิญญาณเริ่มพูดแล้ว พวกเขาบอกว่าเมื่อได้รับอนุญาต จากแม่พระมารีแล้ว พวกเขาจึง ได้รับอนุญาตให้กลับไปหา ใครสักคนที่จะรับฟัง ใครสักคน ที่สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้ วิญญาณกล่าวว่า: "เราปรารถนา คำอธิษฐานของผู้มีชีวิต พิธีมิสซาที่ถวายแด่พระเจ้าจะช่วย วิญญาณมากมายพ้นจากทุกข์ได้ การสวดสายประคำ การสวดภาวนา พระแม่มารีทำเหมือนการกระทำเล็กๆ ที่นำความสบายใจมาให้เราอย่างมาก วิญญาณกำพร้าที่ไม่มีใครจดจำ ต้องทนทุกข์ทรมานมากที่สุด โปรดจำไว้ว่าต้อง อธิษฐานให้พวกเขาด้วย"

หลังเหตุการณ์พิเศษนั้น ความศรัทธา ของชายคนนี้ต่อพลังการช่วยให้รอด ผ่านการอธิษฐานก็แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ในแต่ละคืน เขาได้อธิษฐาน อย่างจริงใจต่อพระเจ้า โดยส่งพรให้กับวิญญาณในนรก โดยเฉพาะผู้ที่ ปรารถนาจะได้รับการปลดปล่อย เขายังสนับสนุนให้ครอบครัวของเขา เข้าร่วมในการอธิษฐาน เพื่อที่พวกเขาจะได้ร่วมกันแบ่งปัน ความเมตตาของพระเจ้าที่ไหลมา จากความรักอันไม่มีขอบเขตของ พระเจ้าสู่หัวใจของมนุษย์ทุกคน หลังจากอธิษฐานอย่างทุ่มเทในเวลา หลายวัน ก็มีเรื่องอัศจรรย์เกิดขึ้น ด้วยพระคุณของพระเจ้า วิญญาณเดิมจึงกลับมา และเปิดเผยเรื่องราวชีวิต บนโลกของเขาให้เขาทราบ

“สมัยหนุ่ม ๆ ฉันเคยเป็น นักกีฬาที่แข็งแรง มีสุขภาพแข็งแรง และมีชีวิตชีวา ฉันคิดว่าฉันไม่ต้องการใครเลย แม้แต่พระเจ้า ฉันเริ่มมองเพื่อน ๆ ของฉันว่าต่ำต้อย ละเลยการสวดมนต์ และแทบไม่ไปโบสถ์เลย ความภูมิใจค่อย ๆเติบโตขึ้นในหัวใจ จนทำให้แสงแห่งศรัทธาริบหรี่ลง”

มีช่วงหนึ่งร่างกายของ ฉันอ่อนแอ และฉันคิดว่า พระเจ้าทอดทิ้งฉันไปแล้ว แต่เมื่อกำลังของฉันกลับคืนมา ฉันกลับกลายเป็นคนเย่อหยิ่งมากขึ้น ฉันยังท้าทายพระเจ้าเองด้วยการ คิดว่า 'ตอนนี้ฉันเข้มแข็งแล้ว' ท่านไม่สามารถพาฉันไปได้' นั่นคือตอนที่ฉันทำบาปที่ร้ายแรงที่สุด นั่นก็คือบาปแห่งความเย่อหยิ่ง ความตายมาเยือนฉันอย่างกะทันหัน โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ไม่มีการสารภาพ และไม่ มีโอกาสที่จะกลับไปหาพระเจ้า

วิญญาณนั้นเล่าเรื่องราวชีวิตของเขา ด้วยความสำนึกผิดอย่างลึกซึ้ง ขณะที่เขายังอยู่ท่ามกลาง ที่ยังมีชีวิต เขาก็ล้มเหลว ในการรับรู้ถึงพลัง แห่งศรัทธาในพระเจ้า ฉะนั้น เมื่อจากไป ออกจากโลกนี้ไปแล้ว เขาอยู่ในความสับสน ปรารถนาที่จะกลับคืน สู่อ้อมกอดของพระเจ้า วิญญาณจึงได้แบ่งปันว่า:

“ทะเลแห่งบาปแผ่ขยายต่อหน้าฉัน ขณะที่ในมือฉันมีสิ่งเล็ก ๆไม่กี่อย่าง เช่น การโค้งคำนับเพียงครั้งเดียว ต่อหน้าศีลมหาสนิท และสวดภาวนา พระแม่มารีอย่างเร่งรีบไม่กี่ครั้ง ฉันตัวสั่นด้วยความกลัว! แม้ความยุติธรรมของพระเจ้าสมบูรณ์ พระเมตตาของพระองค์ไม่มีขอบเขต ด้วยการวิงวอนของพระแม่มารี ฉันจึงรอดพ้นจาก การลงนรกชั่วนิรันดร์ แต่ฉันถูกตัดสินให้ต้องอยู่ ในนรกห้าสิบห้าปี และ ในไฟชำระอีกหกสิบเก้าปี”

ดวงวิญญาณยังแสดง ความกตัญญูอย่างลึกซึ้ง ต่อผู้ศรัทธาผู้นี้ด้วย ทุกครั้งที่เขาสวดภาวนาวันทามารีอา และทุกครั้งที่ เขาถวายมิสซาด้วยใจจริง ก็กลายเป็นสายลมอ่อนโยนที่ คอยปลอบประโลมเปลวไฟแห่ง การชำระล้าง นำจิตวิญญาณ เข้าใกล้ความสงบสุขอันเจิดจ้า ของพระเจ้ามากขึ้น ผ่านการพบปะกับพระเจ้าครั้งนี้ ชายคนนี้ได้ผ่าน การเปลี่ยนแปลงภายในที่ลึกซึ้ง:

ปรากฏว่าเมื่อใดก็ตามที่ เราอธิษฐานเพื่อผู้เสียชีวิต เราก็กลายเป็นเครื่องมือ ที่พระเจ้าใช้ในการเปิด ประตูสวรรค์ให้กับพวกเขา ในคืนต่อ ๆ มา วิญญาณมักจะ เตือนฉันว่า “แบ่งปันเรื่องราวนี้ เพื่อให้ผู้คนรู้ว่าชีวิต ที่หยิ่งผยองนำไปสู่ความหายนะ ในขณะที่คำอธิษฐานง่าย ๆ สามารถ กลายเป็นสะพานสู่ความรอดได้” วิญญาณยังแนะนำฉันด้วยว่า “จงนึกถึงปู่ย่าตายาย พ่อแม่ และคนที่คุณรัก ที่ล่วงลับไปแล้ว อย่าปล่อยให้พวกเขาต้องกำพร้า ในนรก การอธิษฐานเพียงครั้งเดียว ก็สามารถทำให้พวกเขามีกำลังใจได้”

หลังจากเผชิญหน้ากับวิญญาณที่ เมตตากรุณานี้หลายคืน ผู้ศรัทธาผู้นี้ ก็ได้เรียนรู้บทเรียนอันล้ำลึก เกี่ยวกับคุณค่าอันศักดิ์สิทธิ์ของ การกระทำอันเปี่ยมด้วยความรักและ ความถ่อมตนต่อพระเจ้าทุกครั้ง เขาเข้าใจว่าการโค้งคำนับแต่ละครั้ง ความขอบคุณพระเมตตาของพระเจ้า การสารภาพความจริงใจทุกครั้ง และ แม้แต่การกระทำอันเป็นความเมตตา เล็กๆ น้อยๆ ล้วนมีคุณธรรมอันยั่งยืน ในสายพระเนตรของพระเจ้า นับแต่นั้นเป็นต้นมา คำอธิษฐาน ด้วยสายประคำศักดิ์สิทธิ์ของเขา ก็กลายเป็นเรื่องที่ จริงใจยิ่งขึ้น เพื่ออุทิศให้ แก่ดวงวิญญาณที่ถูกลืมเลือนซึ่ง ปรารถนาที่จะเข้าถึงแสงแห่งสวรรค์ ก่อนที่จะได้รับการ ต้อนรับอย่างเมตตาสู่สวรรค์ วิญญาณได้ฝาก ข้อความสุดท้ายไว้กับเขา

“อธิษฐาน เป็นวีแกน และทำความดี แม้การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำด้วยความรักต่อพระเจ้า ก็สามารถบรรเทาภาระของบาปได้” จิตวิญญาณเน้นย้ำว่า: "การสวดภาวนาวันทามารีอา แต่ละครั้งเปรียบเสมือนหยดน้ำเย็น ที่ตกลงบนนรก ลูกประคำ แต่ละลูกเปรียบเสมือนเชือกที่นำพา จิตวิญญาณเข้าใกล้สวรรค์มากขึ้น

ช่างน่าประทับใจจริง ๆ ที่ได้ ตระหนักว่าไม่มีการอธิษฐาน ที่สูญเปล่า และไม่มีการแสดง ความรักหรือความกรุณาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พระเจ้าไม่ทรงสังเกตเห็น ดังที่เราได้เห็น การอธิษฐานอย่างจริงใจมีพลัง ในการนำจิตวิญญาณที่หลงทาง ไปสู่ความสงบและการไถ่บาป แต่พลังนั้นจะไปได้ไกลแค่ไหน และใครบ้างที่สามารถได้ รับประโยชน์จากมันได้อย่างแท้จริง? ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ (วีแกน) แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ ผลอันทรงพลังของการสวดอธิษฐาน

เมื่อผู้คนสวดอธิษฐาน มันจะเกิดผล (ครับ) ศาสนาหนึ่ง อาจเป็นคริสเตียน และยูดายเช่นกัน มีวันที่ ที่ลูกศิษย์จะมารวมตัวกัน หรืออยู่คนเดียวอยู่ที่บ้าน โดยจะสวดอธิษฐานให้บางคน ใครก็ตาม ไม่ว่าเป็น เป็นคนรู้จักหรือไม่ก็ตาม มันมีใครสักคนที่ ไม่มีใครอธิษฐานให้พวกเขาเลย (ครับ) เธือง ขอ ฉันไม่รู้จะพูดเป็นภาษาอังกฤษ อย่างไร แค่วันที่คุณอธิษฐาน ให้กับดวงวิญญาณที่หลงทาง ผู้ที่ไม่มีใคร ผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้า หรือผู้ที่ไม่เคยทำ ความดีเลย ใครที่นึกถึงพวกเขา ก็อธิษฐานให้พวกเขา […] ดังนั้นในวันนั้น ผู้ที่อยู่ในคริสตศาสนา หรือยูดาย จะสวดอธิษฐาน ให้กับเขาเหล่านั้น ไม่ว่ารู้จักกันหรือไม่ แต่หากพวกเขารู้จักคุณ สวดอธิษฐานให้คุณ นั่นก็ยิ่งดี สำหรับผู้อธิษฐาน และ “ผู้ได้รับการอธิษฐาน” (ครับ อาจารย์) ทั้งคู่จะได้รับประโยชน์ แต่ผู้อธิษฐานได้รับผลดีมากกว่า “ผู้ได้รับการอธิษฐาน​” นี่กล่าวไว้ในพระสูตรทางพุทธ เช่น หากคุณอธิษฐาน และคุณได้รับบุญจาก บทสวดที่พระสวดเพื่อคุณ ให้ใครก็ตาม เช่นนั้น คุณได้รับบุญสองในสาม และผู้ที่กำลังตาย หรือผู้ที่ได้รับ การอธิษฐานให้ ได้รับหนึ่งในสามของผลบุญ (ครับ อาจารย์) ดังนั้น ทั้งคู่ได้รับผลบุญ

เราขอขอบพระคุณต่อท่านอาจารย์ ผู้เมตตาอย่างสูง ที่แบ่งปันคำสอนอันล้ำค่าเหล่านี้ และชี้แนะเราใน การปฏิบัติภาวนาจากใจจริง ตามที่เราได้เรียนรู้แล้ว การอธิษฐานไม่เพียงส่งผลดีต่อผู้ที่ เราอธิษฐานให้เท่านั้น แต่ยังส่ง ผลดีต่อตัวเราเองด้วย โดยสร้าง แบ่งปันกระแสการขอบคุณและเมตตา อธิษฐานอย่างจริงใจ ทุกการกระทำ ของความรักและความเมตตา ล้วนนำมาซึ่งพรอันประเสริฐ ที่ไกลเกินกว่าที่เรา จะมองเห็นได้ ครอบคลุมทั้ง อาณาจักรแห่งจิตวิญญาณและวัตถุ ขอให้เรายังคงอธิษฐานด้วย ความเมตตาและความถ่อมตน เพื่อนำความสงบสุขมาสู่ ดวงวิญญาณที่เร่ร่อน นำแสงสว่าง มาสู่ผู้ที่ถูกลืม และนำ ความสงบสุขมาสู่หัวใจของเราเอง